Cdiscount

วันเสาร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2557

สัญลักษณ์และอักษรย่อโครเชต์

มาดูสัญลักษณ์และอักษรย่อในการถักโครเชต์กันค่ะ

1. 0 : การถักโซ่ โดยการพันหัวเข็ม เกี่ยวไหมมา ถึงผ่านห่วงที่อยู่ในเข็ม ดังรูป

photo from tooktalover.com

2. C หรือ ลห เป็นการถักเลื่อนห่วงเพื่อใช้ในการปิดงาน, เชื่อมชิ้นงานเข้าด้วยกัน หรือเดินรอบชิ้นงาน ถักโดยการ สอดเข็มเข้าไปในหลักโซ่ ไปเกี่ยวไหมมา แล้วดึงผ่าน 2 ห่วง ดังรูป

photo from tooktalover.com


3. X หรือ คธ : สอดเข็มลงในหลักโซ่ ไปเกี่ยวไหมมาจากด้านหลัง ได้ 2 ห่วงอยู่ในเข็ม พันหัวเข็มแล้วดึงลอดทั้ง 2 ห่วง ดังรูป

photo from tooktalover.com

4. T หรือ 1/2 พ1ค : ถักโดยการพันหัวเข็ม 1 ครั้ง สอดเข็มลงในหลักโซ่ ไปเกี่ยวไหมมา ได้ 3 ห่วงในเข็ม พันหัวเข็ม 1 ครั้ง ดึงผ่าน 3 ห่วง ดังรูป

photo from tooktalover.com

5. F หรือ พ1ค : ถักโดยการพันหัวเข็ม 1 ครั้ง สอดเข็มลงในหลักโซ่ ไปเกี่ยวไหมมา ได้ 3 ห่วงในเข็ม พันหัวเข็ม 1ครั้ง ดึงผ่าน 2 ห่วง แล้วพันหัวเข็มอีก 1 ครั้ง ดึงผ่าน 2 ห่วง ดังรูป

photo from tooktalover.com
6. TR หรือ พ2ค : ถักโดยการพันหัวเข็ม 2 ครั้ง สอดเข็มลงในหลักโซ่ ไปเกี่ยวไหมมา ได้ 4 ห่วงในเข็ม พันหัวเข็ม 1ครั้ง ดึงผ่าน 2 ห่วง จากนั้นพันหัวเข็ม 1 ครั้ง ดึงผ่าน 2 ห่วง แล้วพันหัวเข็มอีก 1 ครั้ง ดึงผ่าน 2 ห่วง ดังรูป
photo from tooktalover.com


7. V หรือ คธ เพิ่ม : เป็นการถัก คธ (หรือ 1/2 พ1ค หรือ พ1ค) ซ้ำในหลักเดียวกัน 2 ครั้ง เพื่อเป็นการขยายชิ้นงาน โดยเพิ่มจาก 1 หลักโซ่ เป็น 2 หลักโซ่ ดังรูป

photo from tooktalover.com

8. A หรือ คธ รวบ: เป็นการถักเพื่อลดขนาดชิ้นงาน โดยลดจาก 2 หลักโซ่ เป็น 1 หลักโซ่ ถักโดยการสอดเข็มลงในหลักโซ่ เกี่ยวไหมมาจากด้านหลัก ได้ 2 ห่วงในเข็ม แล้วสอดเข็มลงในหลักโซ่ถัดไป เกี่ยวไหมมาจากด้านหลัง ได้ 3 ห่วงในเข็ม จากนั้นพันหัวเข็ม ดึงผ่านทั้ง 3 ห่วง รูปที่แสดงเป็นการถัก คธ รวบ อันที่จริงแล้ว สัญลักษณ์ A ไม่ได้แปลว่าถัก คธ รวบเสมอไป อาจจะเป็น พ1ค รวบ หรือ พ2ค รวบก็ได้ ต้องดูเป็นกรณีไป 


photo from tooktalover.com




การเลือกขนาดเข็มโครเชต์

การถักโครเชต์ให้ชิ้นงานออกมาสวยงามนั้น มีหลายปัจจัย หนึ่งในนั้นก็คือ การเลือกใช้ขนาดเข็มให้เหมาะกับขนาดเส้นของไหมที่ใช้ถัก

ยกตัวอย่าง


  • ถ้าเราต้องการใช้ไหมพรมเส้นใหญ่ เราจะเป็นต้องเลือกขนาดเข็มโครเชต์ขนาดใหญ่
  • ถ้าเราต้องการใช้ไหมพรมเส้นเล็ก เราก็จะต้องเลือกขนาดเข็มโครเชต์ขนาดเล็ก


หากเราเลือกใช้เข็มโครเชต์ไม่เหมาะกับไหมพรมที่ใช้ถัก จะเกิดผลลัพธ์ดังนี้


  • เราเลือกใช้ไหมพรมเส้นใหญ่ ถักด้วยเข็มโครเชต์หัวเล็ก จะทำให้งานที่ออกมาดูแน่น และเวลาถักจะทำให้เจ็บมือ
  • เราเลือกใช้ไหมพรมเส้นเล็ก ถักด้วยเข็มโครเชต์หัวใหญ่ จะทำให้งานที่ออกมาดูหลวม ไม่เป็นทรวงสวย ถักได้ไม่ถนัดมือ ไหมมักจะหลุดออกจากเข็มเวลาถัก


ฉะนั้น เวลาจะถักโครเชต์ สิ่งแรกที่ควรคำนึงก็คือ การเลือกขนาดเข็มโครเชต์ให้เหมาะกับไหมพรมที่เราจะนำมาถัก จะทำให้ถักถนัดมือ ถักได้อย่างรวดเร็ว ชิ้นงานออกมาเป็นระเบียบสวยงาม

ขนาดของเข็มโครเชต์ที่เห็นมีขายกันอยู่โดยทั่วไป จะบอกขนาดด้วย

  • ระบบเมตริก หน่วยเป็นมิลลิเมตร (mm.) เช่น 2 mm., 3 mm., 5.5 mm. เป็นต้น
  • หากเป็นเข็มที่ผลิตที่อเมริกา จะบอกขนาดด้วยระบบตัวอักษร เช่น B, C, J, H เป็นต้น
  • หากเป็นเข็มที่ผลิตที่ญี่ปุ่น จะบอกขนาดด้วยระบบตัวเลข/ศูนย์ เช่น 2/0, 3/0, 4/0 เป็นต้น
  • และหากเป็นเข็มที่ผลิตที่แคนาดาหรืออังกฤษ จะบอกขนาดด้วยระบบตัวเลข เช่น 14, 12, 00 เป็นต้น

Aluminum/Plastic/Wood Crochet Hook Sizes

Metric (mm)USJapanUK
 2.02/0 14 
2.25 B or 1 13 
2.3 3/0 
2.5 4/0 12 
2.75 C or 2 
3.0 5/0 11 
3.25 D or 3 
3.5 E or 4 6/0  9
3.75 F or 5 
4.0 7/0  8
4.25 G or 6 
4.5  7.5/0
5.0 H or 8 8/0 
5.5 I or 9 9/0 
6.0 J or 10 10/0 
6.5 K or 10.5 
7.0ジャンボ7ミリ 
8.0L or 11 ジャンボ8ミリ 
9.0 M or 13 00 
10.0N or 15 ジャンボ10ミリ 000 
11.5 P or 16 
12.0 ジャンボ12ミリ 
 15.0ジャンボ15ミリ 
ตารางจากเว็บ teresabolen.com
วัสดุที่ใช้ทำเข็มโครเชต์มีหลายชนิดด้วยกัน


  • ทำจากไม้
photo from amazon.

  • ทำจากพลาสติก
photo from pixabay.com
  • ทำจากอลูมิเนียม

mphaesaj
ปัจจุบันเข็มโครเชต์ทำจากหลายวัสดุและมีหลายขนาด ให้นักถักทั้งหลายได้เลือกเข็มที่ชอบและจับถนัดมือเวลาถัก นอกจากเข็มโครเชต์ที่เสนอมาข้างต้นแล้ว ยังมีเข็มโครเชต์ที่มีไฟที่หัวเข็มด้วยนะคะ ไว้สำหรับช่วยในการมองเห็นเวลาถักตอนกลางคืนหรือที่ที่มีแสงสว่างน้อย 

เรื่องการเลือกขนาดเข็มโครเชต์ ฝากไว้แค่นี้นะคะ ไว้คราวหน้าจะมาเขียนบทความเกี่ยวกับการอ่านสัญลักษณ์โครเชต์ค่ะ

วันศุกร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2557

มาถักโครเชต์กันเถอะ

การถักโครเชต์เป็นอะไรที่สร้างความเพลิดเพลินและให้อะไรมากกว่าที่คุณคิดค่ะ ทั้งฝึกสมาธิ ทำให้เป็นคนใจเย็นขึ้น ฝึกความอดทน ให้เป็นคนมีความมุ่งมั่นที่จะทำให้สำเร็จ ช่วยให้มีความคิดสร้างสรรค์เพิ่มขึ้น ให้รู้จักคิดประยุกต์ดัดแปลงให้เกิดชิ้นงานใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้น


ซึ่งนอกจากโครเชต์จะเป็นงานอดิเรกที่ดีแล้ว ยังสามารถสร้างรายได้ให้คุณได้อีกด้วยนะคะ
เวลาว่าง ๆ ถ้าได้นั่งถักโครเชต์ไปพลาง ฟังเพลงไปพลาง หรือดูซี่รี่เกาหลีไปด้วยนี่ ได้อารมณ์เพลิดเพลินมากเลยค่ะ
โดยส่วนตัวแล้ว เวลาว่างก็มักจะใช้ไปกับการถักโครเชต์ มันฆ่าเวลาได้ดีมาก ๆ ค่ะ แถมหากมีคนชอบผลงานและยินดีจ่ายเงินซื้อไป เราก็ได้เงินหาขนมเพิ่มด้วย 
ฉะนั้น เรามาเรียนรู้วิธีการถักโครเชต์กันเถอะค่ะ ไว้ถักเป็นงานอดิเรก ถักให้เป็นของขวัญหรือจะเอาไว้หารายได้เสริมก็เหมาะค่ะ แต่ก่อนที่เราจะมาเริ่มเรียนรู้การถัก เราจะต้องเตรียมอุปกรณ์พื้นฐานก่อนค่ะ

การถักโครเชต์นั้น สิ่งที่ต้องมีคือ
1. ไหมพรม
photo from gingerschatz.blogspot.com
2. เข็มโครเชต์
photo from stitchdiva.com
3. กรรไกร
photo from sourcingmap.com
4. เข็ม
photo from internet.

มีอุปกรณ์เพียง 4 อย่างนี้ ก็สามารถสร้างสรรค์ผลงานได้ร้อยแปดแล้วค่ะ แต่หากจะถักเป็นพวกตุ๊กตาก็อาจจะต้องมีอุปกรณ์อย่าง ลูกตาตุ๊กตา เพิ่มขึ้นมา หรือหากจะประดับตกแต่งชิ้นงาน ก็อาจจะต้องมีพวกลูกปัดต่าง ๆ กระดุมสีสวย ๆ หากจะถักรองเท้า

อุปกรณ์ปลีกย่อยอื่น ๆ จะแตกต่างไปตามแต่ละชิ้นงานที่เราจะถักค่ะ แต่เอาหลัก ๆ คือมี 4 อย่างนี้ก็สามารถถักชิ้นงานได้หลากหลายอย่างและค่ะ 

บทความหน้าจะมาเรียนรู้วิธีถักโครเชต์ขั้นพื้นฐานกันนะคะ เพื่อน ๆ หาอุปกรณ์เตรียมพร้อมไว้เลยนะคะ แล้วมาสนุกกับการถักโครเชต์ด้วยกันค่ะ :)


วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2557

การจับเข็มโครเชต์

     การจับเข็มโครเชต์นั้น ไม่ได้มีวิธีที่ตายตัว ไม่มีวิธีไหนผิดหรือวิธีไหนถูก อยู่ที่ความถนัดของแต่ละคน โดยทั่วไปแล้ว การจับเข็มโครเชต์จะมีอยู่ 2 วิธี คือจับลักษณะคล้ายกับจับดินสอ กับ จับลักษณะคล้ายจับมีด

จับแบบดินสอ

จับแบบมีด
     วิธีการจับแบบดินสอนั้นได้รับความนิยมมากกว่าแบบมีด เพราะเวลาถักจะทำให้ดูมือสวยเป็นกุลสตรี :)

     แต่วิธีการจับแบบมีดนั้นสามารถช่วยลดการเกิดกลุ่มโรคการกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ หรือ  Carpal tunnel syndrome ได้

     การถักโครเชต์นั้นเป็นงานอดิเรกที่หลายคนชื่นชอบ รวมทั้งตัวผู้เขียนด้วย เป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เวลาถักก็รู้สึกเพลิดเพลิน ทำให้เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว แถมเมื่อเราถักชิ้นงานใดชิ้นงานนึงสำเร็จ ก็มีความภาคภูมิใจด้วย

     การถักโครเชต์เป็นเวลานาน ควรหยุดพักด้วยการเปลี่ยนอิริยาบถ เช่น การลุกเดิน ไม่ควรนั่งถักเป็นเวลานาน เนื่องจากการนั่งถักโครเชต์เป็นเวลานานนั้น เราก้มมองงานที่ถักอยู่ในท่าเดียวเป็นเวลานาน อาจจะทำให้หมอนรองกระดูกต้นคอเสื่อม กล้ามเนื่อบริเวณหัวไหล่ตึงตัว ทำให้ปวดตึงบริเวณไหล่และต้นคอ ทำให้สายตาล้า เมื่อยข้อมือ อาจเกิดกลุ่มโรคการกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ (Carpal tunnel syndrome)  คือ ปวดข้อมือ มือชา นิ้วล็อก และควรเปลี่ยนวิธีการจับเข็มโครเชต์หากรู้สึกเริ่มเมื่อยในวิธีการจับแบบเดิม ไม่ควรฝืนถักต่อ 

     โรคที่มาจากการถักโครเชต์มีเยอะเหมือนกันนะคะ นักถักทั้งหลายอย่าลืมดูแลสุขภาพด้วยค่ะ 

      สุดท้ายนี้ขอให้นักถักทั้งหลายมีความสุขสนุกกับงานถักที่รักนะคะ :)

วันจันทร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2557

รีวิวเครื่องบดเมล็ดกาแฟ CUISINART รุ่น DBM8 + เครื่องชงกาแฟ Philips Saeco Poemia HD8323/01

   โดยส่วนตัวแล้วเป็นคนชอบทานกาแฟสดค่ะ คุณพ่อก็ชอบทาน เลยซื้ออุปกรณ์มาชงทานกันเองที่บ้าน อุปกรณ์ในการชงกาแฟสดให้อร่อย ก็จะต้องมี เมล็ดกาแฟ (ที่บ้านใช้เมล็ดกาแฟของคอฟแมน) เครื่องบดเมล็ดกาแฟ (Cuisinart รุ่น DBM8) และเครื่องชงกาแฟ (Philips Saeco Poemia) ถ้าจะทานเป็นคาปูชิโน่ ก็ต้องมีนมสดค่ะ (แนะนำนมยี่ห้อ เมจิ)

     มาถึงขั้นตอนการชงกาแฟกันค่ะ ก่อนอื่นเราก็ต้องเทเมล็ดกาแฟลงในเครื่องบดเมล็ดกาแฟค่ะ


     เครื่องบดเมล็ดกาแฟรุ่นนี้สามารถเลือกความละเอียดในการบดได้ถึง 18 ระดับค่ะ ตั้งแต่ละเอียดมากเป็นพิเศษจนถึงหยาบมาก ปกติแล้วที่บ้านจะเลือกละเอียดมากค่ะ (จุดที่ 2)

     เมื่อเลือกความละเอียดของผงกาแฟที่ต้องการแล้ว จากนั้นก็ทำการระบุจำนวนแก้วที่ต้องการจะชง เครื่องบดกาแฟรุ่นนี้สามารถบดเมล็ดกาแฟได้ถึง 18 แก้วในครั้งเดียว หากต้องการชงแก้วเดียว ให้เลื่อนขีดให้อยู่ใกล้กับ OFF หากต้องการจะทานกาแฟเข้ม ให้เลื่อนขีดอยู่ระหว่าง OFF กับ 4 (หรือประมาณ 2 แก้ว ก็จะทำให้ได้ผงกาแฟเพิ่มขึ้น เวลาชงจะทำให้ได้กาแฟที่เข้มขึ้น)

   
     เมื่อเลื่อนขีดระบุจำนวนแก้วที่ต้องการแล้ว ก็กดปุ่ม START ก็จะได้ผงกาแฟตามที่ต้องการ


     เมื่อได้ผงกาแฟแล้วก็เทหรือตักใส่ถ้วยของเครื่องชงกาแฟ


แล้วก็เอาช้อนพลาสติกที่ให้มากับเครื่อง มากดให้ผงกาแฟแน่นขึ้นก่อนที่จะนำเอาไปใส่เครื่องชง

ผงกาแฟแน่นขึ้นหลังจากกดด้วยช้อนพลาสติก
กดผงกาแฟให้แน่นด้วยช้อนพลาสติก









     จากนั้นก็เอาใส่เครื่องชงกาแฟ เปิดสวิชด้านหลัง ไฟเขียวด้านบนจะติด จากนั้นก็รอให้ไฟเขียวด้านล่างติดอีก 1 ดวง เป็นการแสดงว่า น้ำเดือดแล้ว พร้อมชงกาแฟได้

เริ่มเปิดสวิช ไฟเขียวด้านบนติด
น้ำเดือด พร้อมชงกาแฟ ไฟเขียวด้านล่างติด
     เมื่อปุ่มเขียวด้านล่างติด แสดงว่าน้ำเดือดพร้อมชง ก็ทำการหมุนปุ่มด้านหน้าไปทางซ้าย เมื่อได้น้ำกาแฟตามที่ต้องการแล้ว ให้หมุนปุ่มกลับที่เดิม

     ก็จะได้แอสเปรสโซ่หอมกรุ่นไว้ดื่มเองที่บ้านและค่ะ 

เอสเพรสโซ่

     หากต้องการจะทานคาปูชิโน่ เพียงแค่เติมนมสดลงไป ก็เป็นอันเรียบร้อยค่ะ สัดส่วนระหว่างน้ำกาแฟกับนมสดก็ลองผิดลองถูกจนได้รสชาดที่อร่อยเป็นของตัวเองค่ะ :)

คาปูชิโน่ 
     เครื่องชงกาแฟรุ่นนี้ยังสามารถทำฟองนมไว้โปะหน้าคาปูชิโน่ได้ด้วยค่ะ แต่โดยส่วนตัวแล้วไม่ได้ทำฟองนมค่ะ เลยไม่ได้สาธิตให้ดูนะคะ (เอาจริง ๆ นะคะ คือตั้งแต่ชื่อเครื่องชงกาแฟมาก็ยังไม่เคยลองทำฟองนมดูสักครั้งเลยค่ะ เอาชงแบบง่าย ๆ ก็สามารถอร่อยในแบบตัวเองได้และค่ะ)

ปุ่นด้านข่างไว้เป่าลมร้อนสำหรับทำฟองนม
     ขอแถมนิดนึงนะคะ นมสดที่เอาออกจากตู้เย็นเพื่อเติมลงในน้ำกาแฟทำเป็นคาปูชิโน่ ถ้าได้อุ่นให้ร้อนก่อนจะเพิ่มรสชาดได้มากกว่าใส่ตอนที่นมเย็นค่ะ :)

วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2557

ขั้นตอนการสั่งซื้อเสื้อจากเว็บ fashion71.net

         วันก่อนได้เล่าถึงความประทับใจในการสั่งซื้อเสื้อผ้าออนไลน์จากเว็บ fashion.net วันนี้จะมาดูขั้นตอนการสั่งซื้อกันค่ะ

          เข้าหน้าเว็บ fashion.net หากต้องการจะสั่งซื้อสินค้ากับทางเว็บจะต้องทำการลงทะเบียนก่อนค่ะ (registration)



     โดยคลิกที่ปุ่ม Join ซึ่งอยู่ด้านบนขวา

http://www.fashion71.net/
  

     จะเข้ามายังหน้าที่ให้เราทำการลงทะเบียน ให้เราตั้งชื่อ (username) ใส่อีเมล์ที่เราใช้งานประจำ (เพราะถ้ามีปัญหาในการจัดส่งสินค้า เค้าจะส่งอีเมล์มาบอกหรือมาสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม) ตั้งรหัสผ่าน พิมพ์รหัสผ่านอีกครั้งหนึ่ง และทำการพิมพ์ตัวอักษรที่เห็นในช่อง (เพื่อเป็นการ verify code) จากนั้นก็กดตรง create your account เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนการลงทะเบียน (registration) และเราจะได้รับอีเมล์ยืนยันการลงทะเบียนพร้อมด้วย username และ password ที่เราสมัครไป




     จากนั้นให้เราทำการ sign in ด้วยชื่อ username และ password ที่เราได้ทำการลงทะเบียนไป แล้วไปที่ User Center เลือกตรง Consignee Address ทำการกรอกที่อยู่ในการจัดส่งสินค้าโดยละเอียด


     จากนั้นก็เลือกดูสินค้าที่เราต้องการ เว็บนี้มีสินค้าที่น่าสนใจเยอะมากและแยกเป็นหมวดหมู่ชัดเจนเข้าใจง่าย สามารถเลือกช่วงราคาของสินค้าที่เราสนใจได้ด้วย

     เมื่อได้สินค้าที่ต้องการแล้ว สมมุติเป็นชุดเดรสตัวนี้



     เสื้อตัวนี้ราคา $12.39 ระบุจำนวนชิ้นด้วยการกดปุ๋ม + และสามารถดูราคาค่าขนส่งก่อน โดยการกดที่ปุ่ม Estimate Shipping Fee  และเลือกประเทศไทย


     ระบบจะแสดงบริษัทขนส่ง 4 บริษัท ในราคาที่ต่างกัน ดังรูป


     โดยการส่งแบบ DHL มีค่าบริการแพงที่สุด เป็นบริการส่งด่วน รองลงมาเป็นการส่งแบบ EMS โดยปกติจะได้รับของประมาณ 5-10 วัน รองลงมาเป็นการส่งแบบ China Post เป็นการส่งแบบประหยัด จะคิดค่าบริการเพิ่งขึ้นทุก ๆ 100 กรัม และสุดท้าย ส่งแบบ DPEX ซึ่งมีค่าบริการถูกที่สุด ซึ่งตัวเองเคยใช้ของบริษัท DPEX แล้วประทับใจมาก ๆ 

     เมื่อเห็นค่าส่งแล้ว ทีนี้ก็ทำการสั่งซื้อ โดยคลิกที่ add to cart จากนั้นระบบจะทำการสรุปการสั่งซื้อ โดยที่ยังไม่รวมค่าขนส่ง ดังรูป


     หากต้องการจะสั่งซื้อสินค้าเพิ่มอีก ก็คลิกที่ปุ่ม Back To Shopping หากต้องการจะยกเลิกคำสั่งซื้อ คลิกที่ปุ่ม Clear The Cart หากต้องการจะจ่ายเงิน คลิกที่ปุ่ม CONTINUE CHECK OUT

   

      ระบบจะให้เราเลือกบริษัทขนส่งและรูปแบบการจ่ายเงิน แนะนำให้จ่ายกับ Paypal เพราะเป็นระบบที่ปลอดภัยและถ้าเราไม่ได้รับที่สั่ง เราสามารถแจ้งกับ Paypal เพื่อให้ Paypal แจ้งกับผู้ขายให้คืนเงินให้กับเราได้ เมื่อเลือกครบทั้ง 2 อย่างแล้ว ระบบจะคำนวณยอดการสั่งซื้อตรงด้านล่างขวา เมื่อเราตรวจสอบดูว่าถูกต้องแล้ว ก็กด Check out ดังรูป



     จากนั้นระบบจะแจ้งเลขที่การสั่งซื้อ ซึ่งจะต้องเก็บรักษาไว้อย่างดี เพื่อเราจะได้ตามของได้หากไม่ได้รับของตามเวลาที่กำหนด


     จากนั้นก็กด Pay in Paypal immediately ระบบก็จะพาไปยังหน้าของ Paypal เราก็ทำการ log in และจ่ายเงิน แค่นี้ก็เป็นอันเรียบร้อย รอรับของ 

     ในหน้าแรกของเว็บ มี Live Chat ไว้บริการ สามารถพิมพ์ถามปัญหาหรือพิมพ์ตามของที่เราสั่งได้ และอย่าลืมว่า จะต้องจดเลขที่สั่งของไว้ เวลาที่พนักงานถามจะได้แจ้งได้ถูกต้อง 

     ขอให้ท่านผู้อ่านเลือกสั่งซื้อสินค้าจากเว็บ Fashion71.net ด้วยความสนุกค่ะ 

วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2557

ยาฆ่าเชื้อ & ยาแก้อักเสบ

มาทำความเข้าใจกับคำว่า "ยาฆ่าเชื้อ" และ "ยาแก้อักเสบ" กันค่ะ


     หลายคนเข้าใจผิดคิดว่า ยาฆ่าเชื้อ กับ ยาแก้อักเสบ เป็นตัวเดียวกัน หลายครั้งที่เวลาไปร้านขายยา จะบอกกับเภสัชกรว่า ขอซื้อยาแก้อักเสบหน่อย เมื่อเภสัชกรจัดยาแก้อักเสบ เช่น Ibuprofen (Nurofen), Mefenamic acid (Ponstan) หรือ Diclofenac (Voltaren) ให้ ก็จะบอกว่า ไม่ใช่แบบนี้ อยากได้ยาที่มันเป็นแคปซูลสีแดงดำน่ะ ทำเอาเภสัชกรงงนะคะ เพราะแคปซูลสีแดงดำที่ว่ามานั้น น่าจะเป็นยา Ampicillin ซึ่งเป็นยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย หรือ ยาปฎิชีวนะ (Antibiotic) 

     คราวนี้มาทำความเข้าใจกับ "ยาฆ่าเชื้อ" กันก่อน

     ยาฆ่าเชื้อหรือยาปฎิชีวนะนั้น ใช้สำหรับรักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย ในร้านขายยามีทั้งเป็นแคปซูลและเป็นเม็ด ยาฆ่าเชื้อที่เป็นแคปซูล มีทั้งที่มีสีเดียวกันทั้งเม็ดและมีสองสี 


antibiotic
     
        เราไม่ควรใช้ยาฆ่าเชื้อพร่ำพรือ ควรใช้ในกรณีที่จำเป็นและต้องรับประทานให้ครบตามจำนวนวันที่กำหนด อย่างเช่น บางตัวต้องทานทั้งหมด 3 วัน บางตัวต้องทาน 5 วัน บางตัวอาจต้องทานถึง 15 วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับโรคและชนิดของยา ผู้ป่วยจะต้องปฎิบัติตามอย่างเครงครัด เพื่อป้องกันการดื้อยา

        ส่วนยาแก้อักเสบ (Anti-inflammatory) นั้น มาเข้าใจถึงความหมายของคำว่า "อักเสบ" กันสักนิดค่ะ

        การอักเสบ (Inflammation) หมายถึง การที่ร่างกายมีการตอบสนองต่อสิ่งที่เป็นอันตราย ไม่ว่าจะเป็น จากเชื้อโรค การระคายเคือง สารเคมี การบาดเจ็บ หรือภูมิคุ้มกันตัวเอง ลักษณะที่แสดงออกมาทำให้มีการปวด ร้อน บวม แดง เป็นการแจ้งเตือนต่อร่างกาย เพื่อให้เอาสิ่งที่เป็นอันตรายออกไปและซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ถูกทำลาย ฉะนั้น การอักเสบไม่ใช้อาการของการติดเชื้อ แต่เป็นการตอบสนองของร่างกายเพื่อต่อต้านเชื้อโรคและปัจจัยต่าง ๆ ดังกล่าวมาข้างต้น

        ยาแก้อักเสบ (Anti-inflammatory) เป็นยาที่ใช้บรรเทาอาการปวด ร้อน บวม แดง ยาแก้อักเสบที่มีในร้านขายยา มีทั้งแบบเป็นเม็ดและเป็นแคปซูล 


Anti-inflammatory

       จะเห็นได้ว่า ถ้าดูแต่เม็ดยาแล้ว ไม่สามารถบอกได้ว่า ยาไหนคือยาฆ่าเชื้อ และยาไหนคือยาแก้อักเสบ เนื่องจากรูปลักษณ์ภายนอกเหมือนกัน ยาฆ่าเชื้อไม่ได้มีแต่เป็นแคปซูล ยาแก้อักเสบก็ไม่ได้มีแต่เป็นเม็ด ฉะนั้น เวลาจะทานยาอะไร จะต้องอ่านฉลากหรืออ่านที่หน้าซองยาก่อนทุกครั้ง และปฎิบัติตามอย่างเคร่งครัด

        มาดูตัวอย่างของการเข้าใจผิดในการมาหาซื้อยาฆ่าเชื้อและยาแก้อักเสบ

ตัวอย่างที่ 1 

ลูกค้า : มาขอซื้อยาแก้อักเสบค่ะ พอดีนอนตกหมอนค่ะ
เภสัชกร : (ซักอาการเรียบร้อยพร้อมจ่ายยาแก้อักเสบ) 
ลูกค้า : โอ้วว คุณเภสัชกรคะ ไม่ใช่นะคะ คืออยากได้ยาเป็นแคปซูลค่ะ

        ตัวอย่างนี้ แสดงให้เห็นว่า ลูกค้าเข้าใจว่า ยาแก้อักเสบที่เค้าต้องการ ก็คือยาฆ่าเชื้อ พูดง่าย ๆ ก็คือ เค้าจะมาซื้อยาฆ่าเชื้อ ไปบรรเทาอาการปวดคอที่เกิดจากการตกหมอน 
     
        เมื่อท่านผู้อ่านอ่านมาจนถึงตรงนี้ ก็เข้าใจได้ทันทีแล้วใช่มั้ยคะว่า ลูกค้าคนนี้จะต้องได้รับยาแก้อักเสบ (อย่างที่ปากพูด) ไม่ไช่ยาฆ่าเชื้อ

ตัวอย่างที่ 2

ลูกค้า : มาขอซื้อยาแก้อักเสบค่ะ พอดีไอมาก เสมหะข้นมีสีเขียว เจ็บคอมาก เป็นมาหลายวันแล้ว
เภสัชกร : (ซักอาการเรียบร้อยพร้อมจ่ายยาฆ่าเชื้อและยาแก้ไอ) 

        ท่านผู้อ่านทราบแล้วใช่มั้ยคะว่า ลูกค้าคนนี้เค้าเข้าใจผิด เค้าคิดว่า ยาที่เค้าได้รับนั่น เรียกว่ายาแก้อักเสบ แต่ที่จริงแล้ว มันเป็นยาฆ่าเชื้อ

      คราวนี้ท่านผู้อ่านก็เข้าใจแล้วใช่มั้ยคะว่า ยาฆ่าเชื้อกับยาแก้อักเสบนั้น มันคนละตัวยาและทำงานคนละอย่างกัน เวลาไปซื้อยามาทานเองที่ร้านขายยา หากไม่แน่ใจ ให้ถามเภสัชกรประจำร้านนะคะ :)
      

ความประทับใจจากการสั่งเสื้อออนไลน์

มีเว็บสั่งซื้อเสื้อผ้าออนไลน์จากประเทศจีนมาฝากค่ะ
http://www.fashion71.net/

       วันก่อนลองสั่งเสื้อมาตัวหนึ่งจากเว็บนี้ค่ะ ได้รับความประทับมากเลย ทั้งจากตัวเว็บเองที่มีเสื้อผ้าให้เลือกมากมาย จัดเป็นหมวดหมู่ เข้าใจง่าย และ call center ที่ให้การช่วยเหลือในการตามของที่สั่ง และที่อยากจะยกนิ้วด้วยความชื่นชมก็คือ บริษัทส่งของที่นำเสื้อตัวนี้มาส่งให้ คือตอนที่ทำการสั่งซื้อเสื้อไปนั้น ระบบจะมีให้เราเลือกว่าจะให้ส่งกับบริษัทอะไร ซึ่งแต่ละบริษัทก็จะมีค่าขนส่งที่แตกต่างกัน เราเลยเลือกบริษัทที่ค่าขนส่งถูกที่สุด นั่นก็คือ Toll Global Express ค่าขนส่ง = $5.94 (ค่าเสื้อ = $9.55)


       นี่คือเสื้อที่สั่งซื้อไป สวยดีนะคะ :)

รูปจากเว็บ

      เสื้อที่ได้รับ น้าตาเหมือนกับในเว็บอยู่นะคะ ถือว่ารับได้ค่ะ :)



เสื้อที่ได้รับ

        มาถึงที่ว่าอยากจะยกนิ้วให้กับบริษัทขนส่งก็คือว่า พอดีสั่งเสื้อไปหลายวันและ ทีนี้ก็เลยเข้าไปถาม call center ในเว็บ ซึ่งเค้ามี live chat ให้พิมพ์ถามได้ ก็ถามไปว่า สั่งเสื้อไปวันที่เท่านั้น ตอนนี้ยังไม่ได้ของเลย เค้าก็ถามหาเลขที่สั่งของ ก็ให้เค้าไป (ตอนทำการสั่งซื้อเสร็จ ระบบจะแจ้งเลขที่สั่งของ) รอสักครู่ เค้าก็ตอบกลับมาว่า พอดีบริษัทขนส่งขอเลขบัตรประชาชนของคุณ ทางเราได้แจ้งไปยัง e-mail ที่คุณแจ้งไว้ใน Paypal แล้วหลายครั้ง แต่ไม่มีการตอบกลับ แล้วเค้าก็แจ้ง tracking number กับลิงค์ที่ใช้ในการตรวจสอบ

         เมื่อกรอง tracking number ลงไปในเว็บบริษัทขนส่ง ก็ปรากฎว่า ของได้ถูกส่งออกมาแล้ว หลังจากวันที่ทำการสั่งซื้อ 1 วัน และสถานะตอนนี้คือ holding เพื่อรอเอกสารเพิ่มเติม ซึ่งก็ตรงกับที่ทาง live chat แจ้งมา


        งานนี้งงเลยค่ะ มีการขอเลขบัตรประชาชนด้วย (ตอนนั้นในใจคิดว่า สงสัยต้องเป็นพวกมิจฉาชีพแน่ มาหลอกเอาเลขบัตรประชาชน) เลยบอกไปว่า ไม่สามารถให้ได้ ขอ e-mail ของบริษัทขนส่งหน่อยค่ะ ต้องการจะคุยติดต่อเอง จากนั้นเค้าก็ให้เบอร์โทรตัวแทนในไทยของบริษัทขนส่งมา 


        หลังจากโทรพูดคุยกับตัวแทนบริษัทขนส่งในไทย ได้ความว่า มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ค่ะ ช่วงหลังนี้สินค้าที่มาจากจีน จะมีการตรวจสอบด้านภาษีนำเข้า (สุ่มตรวจ หากราคาของเกินหนึ่งพันบาท จะมีการคิดภาษี) จะต้องมีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีกรอกมาในใบส่งของ ในกรณีที่เป็นบริษัท แต่ในกรณีที่เป็นบุคคลธรรมดาก็จะต้องมีเลขบัตรประชาชนกรอกมาในใบส่งของเช่นกัน ทีนี้ก็ถึงบางอ้อ เลยให้เลขบัตรประชาชนไปกับพนักงานตัวแทนในไทย แล้วเค้าจะไปแจ้งกับบริษัทขนส่งอีกที 


        พนักงานในไทยแจ้งว่า หลังจากให้เลขบัตรประชาชนไปแล้ว ของน่าจะออกจากจีนพรุ่งนี้ และน่าจะถึงไทยวันมะรืน


       หลังจากนั้นวันมะรืนก็มีโทรศัพท์จากตัวแทนในไทย โทรมาแจ้งว่า ของถึงกรุงเทพแล้ว พรุ่งนี้ของถึงภูเก็ตแน่นอนค่ะ


        รู้สึกประทับใจในบริการของบริษัทขนส่งนี้มาก ๆ เลย ทั้งที่ค่าบริการถูกที่สุด ยังบริการดีขนาดนี้ แล้วพอของมาส่ง เราได้เซ็นต์รับของเรียบร้อย ตอนเย็น ยังส่งเมล์จากทางบริษัทขนส่งแจ้งมาอีกว่า ของที่คุณสั่ง เลขที่นี้ มีผู้รับไปแล้ว ลงชื่อผู้รับเรียบร้อยเลยค่ะ :)


        อยากจะบอกว่า บริษัทขนส่งที่ค่าบริการถูกสุดนั่น อย่าเพิ่งตัดสินว่า การบริการจะไม่ดีเพราะราคาถูก เมื่อได้เจอกับตัวแบบนี้แล้ว ต่อไปถ้าสั่งเสื้อกับเว็บนี้อีก จะไม่เปลี่ยนไปใช้บริการเจ้าอื่นแน่นอนค่ะ 



คราวหน้าจะเขียนถึงขั้นตอนการสั่งซื้อของจากเว็บ www.fashion71.net ค่ะ